ตัวเขาพลาดช่วยทีมในช่วงหกเดือนแรกแต่กลับมาได้ลงเล่นเกมสำคัญที่เอาชนะ เชลซี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แน่นอนว่าเขาเป็นอีกหนึ่งกองหลังที่ดีคนหนึ่ง แต่สภาพร่างกายที่เจ็บออดๆ แอดๆ จนปิดกั้นโอกาสที่เขาจะได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริงจาก วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ
อักเซล ตวนเซเบ (4 คะแนน)
เขาเป็นตัวเลือกลำดับที่ 3-4 แต่ส่วนหนึ่งที่ทำให้โอกาสลงสนามน้อยเนื่องจากได้รับบาดเจ็บในเกมอุ่นเครื่องกับ ลิเวอร์พูล และยังไม่มีส่วนร่วมเกมช่วงหลังล็อกดาวน์เลย แต่กระนั้นยังได้รับความสนใจจาก อาร์เซนอล และ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
ฟิล โจนส์ (1 คะแนน)
ปราการหลังสีหน้าต้องได้รายนี้เป็นอีกคนที่คล้ายคลึงกับ ดิโอโก ดาโลต์คือเจ็บจนโลกลืม เขาได้รับโอกาสลงสนามในเกมพ่าย เบิร์นลีย์ และอีก 45 นาทีที่พบกับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด นอกนั้นไม่มีอะไรน่าจดจำ
มาร์กอส โรโฮ (1 คะแนน)
ไม่อยู่ในแผนการทำทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ จนท้ายที่สุดแล้วก็ถูกปล่อยออกไปให้กับ เอสตูเดียนเตส รวมทั้งยังสร้างวีรกรรมด้วยการแหกกฎล็อกดาวน์ด้วยการรวมกลุ่มเล่นการพนันจนถูกสโมสรตำหนิเป็นการภายใน และดูแล้วไม่มีอนาคตกับทีมอีกต่อไป
ลุค ชอว์ (7 คะแนน)
ใช้เวลากว่า 3 เดือนในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บและหลังจากได้ลงสนามต่อเนื่องเขาก็กลับมาอยู่ในฟอร์มที่น่าพอใจและเล่นดีมากในหลายๆ เกม เขาเติมเกมรุกอย่างเมามันและเล่นได้ดีในระบบเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน
แบรนดอน วิลเลียมส์ (7 คะแนน)
เด็กหนุ่มรายนี้แจ้งเกิดได้จากการที่ ลุค ชอว์ ได้รับบาดเจ็บจนต้องพักยาวและได้ลงเล่นเกมสำคัญๆ ที่มีความกดดันสูงมากหลายเกมแต่เขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่ารับมือกับเกมระดับสูงได้อย่างสบายๆ
เนมันยา มาติช (7 คะแนน)
แทบไม่มีบทบาทและโอกาสลงสนามเลยในช่วงครึ่งซีซั่นแรกที่ทาง โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ กุนซือชาวนอร์เวย์นิยมชมใช้ เฟร็ด หรือ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ มากกว่าจนมีข่าวว่าอาจต้องโบกมือลาทีมหลังจบซีซั่นนี้ แต่กระนั้นครึ่งซีซั่นหลังตัวเขาสามารถเบียดสองคนนั้นหลุดไปเป็นสำรองพร้อมกลับมาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมจนได้รับสัญญาฉบับใหม่ออกไปถึง 3 ปี
เฟร็ด (7 คะแนน)
ตัวเขาได้มีส่วนร่วมกับทีม 23 เกมติดต่อกันด้วยฟอร์มที่ยอดเยี่ยมที่ช่วยไล่บอล แย่งบอลในแผงกองกลางและยังมีจังหวะจ่ายบอลสวยๆ ในเกมรุกหลายครั้ง แต่มันเป็นเรื่องน่าเสียดายที่ต้องเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ พอล ป็อกบา ที่หายเจ็บกลับมาช่วงรีสตาร์ต
สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ (7 คะแนน)
แข้งเด็กปั้นของสโมสรมีฤดูกาลที่น่าประทับใจเช่นกัน เขาเป็นกำลังสำคัญของทีมในหลายๆ นัดและประสานงานกับ เฟร็ด ได้อย่างลงตัว แต่หลังจากมีอาการบาดเจ็บในช่วงบ็อกซิงเดย์ปรากฏว่าเพิ่งจะมีโอกาสลงสนามแค่ 3 นัดในเกมลีกและดูเหมือนว่าจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง
พอล ป็อกบา (6 คะแนน)
หายหน้าหายไปตานานมากจากที่มีโอกาสลงสนามช่วงต้นซีซั่น บาดเจ็บยาวจนกลับมาอีกทีในช่วงปลายฤดูกาล แต่ทว่าการกลับมารอบนี้เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม ทำเพื่อทีมจนไม่มีเสียงก่นด่าจากแฟนบอลเหมือนเมื่อก่อนและประสานกับ บรูโน เฟอร์นันเดส ได้อย่างลงตัว
บรูโน เฟอร์นันเดส (9 คะแนน)
นี่คือหนึ่งในการเซ็นสัญญาที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งในช่วงกลางฤดูกาลของสโมสรและพรีเมียร์ลีก หลังเข้ามายกระดับทีมของ โอเล กุนนาร์ โซลชาร์ ได้ทันที และด้วยผลงาน 8 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์และทีมไม่แพ้เลยเมื่อมีเขาลงสนามทำให้เขาขึ้นหิ้งกลายเป็นขวัญใจของทีมอย่างรวดเร็ว
เจสซี ลินการ์ด (3 คะแนน)
เป็นฤดูกาลที่ไม่ควรค่าแก่การจดจำและตัวเขาก็อยากจะกดดีลีตซีซั่นนี้ทิ้งไป เขารับโอกาสลงสนามช่วงครึ่งซีซั่นแรกแต่ไม่สามารถทำประตูหรือแอสซิสต์ได้เลยในลีกและด้วยฟอร์มที่ย่ำแย่บวกกับการที่เขาโฟกัสกับเรื่องนอกสนามจนโดนแฟนบอลถล่มเละพร้อมมีข่าวจ่อถูกโละทิ้งออกจากทีม แต่ยังมีเรื่องราวให้น่าจดจำอยู่บ้างหลังเป็นคนยิงประตูที่สองในเกมเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 เกมในลีกนัดสุดท้าย
ฆวน มาตา (3 คะแนน)
นี่ก็เป็นอีกคนที่แทบไม่มีบทบาทกับทีมเลยจนทำให้สร้างสถิติที่ไม่น่าจดจำเมื่อไม่สามารถทำประตูให้กับทีมได้เลย จนเป็นอีกคนที่ข่าวว่าจะย้ายออกจากทีมเพื่อไปหาความท้าทายใหม่ๆ
อันเดรียส เปเรรา (4 คะแนน)
ได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 เดือนแรก เหตุผลที่ลงสนามต่อเนื่องนั้นไม่ใช่เพราะว่าเขาดีพอแต่ไม่มีใครแล้วต่างหาก ทีมจึงต้องทนเห็นผลงานที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอันจากเขาในช่วงดังกล่าวและครึ่งซีซั่นหลังแทบหายไปเลยเพราะเขาไม่ดีพอที่จะได้โอกาสหรือเบียดผู้เล่นคนอื่นได้
ดาเนียล เจมส์ (6 คะแนน)
เป็นหนึ่งในนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างน่าประทับใจในช่วง 3-4 เดือนแรก แต่หลังจากนั้นโอกาสลงสนามกับฟอร์มก็ค่อยๆ ถดถอยน้อยลงเรื่อยๆ เพราะมิติที่ทิ่มบอลไปข้างหน้าและใช้แต่ความเร็วเจอคู่แข่งดักทางได้หมดแล้วไม่มีพื้นที่เล่นคือจบ แต่โดยรวมแล้วก็ยังถือว่าเป็นซีซั่นที่น่าพอใช้สำหรับแข้งที่มาจากลีกล่าง
เมสัน กรีนวูด (8 คะแนน)
นี่คือฤดูกาลแรกอย่างเป็นทางการของเขากับทีม ช่วงซีซั่นแรกอาจไม่ได้รับโอกาสลงสนามมากนักแต่ครึ่งซีซั่นหลังเป็นต้นมาเขาได้รับโอกาสลงเล่นต่อเนื่องและทำประตูได้อย่างต่อเนื่องเช่นกันจนในช่วงโค้งสุดท้ายยึดตำแหน่งตัวจริงทางฝั่งขวามาจาก ดาเนียล เจมส์ ได้สำเร็จ
มาร์คัส แรชฟอร์ด (8 คะแนน)
ฤดูกาลนี้เขามีอาการบาดเจ็บกวนอยู่ช่วงหนึ่งจนฟอร์มตกไปช่วงหนึ่งแต่หลังจากรีสตาร์ตกลับมาจากช่วง "โควิด-19" เขาก็เล่นได้ดีขึ้นและเล่นเพื่อทีมมากขึ้นไม่เห็นแก่ตัวหรือหวงบอลเหมือนเมื่อก่อนจนมีส่วนสำคัญในการพาทีมจบอันดับที่ 3 ในลีกและทำไป 17 ประตูในลีกและ 22 ประตูในทุกรายการ
อองโตนี มาร์เชียล (8 คะแนน)
นี่เป็นฤดูกาลที่ถือว่าเขามีผลงานดีที่สุดทั้งในแง่ของฟอร์มการเล่นและจำนวนการทำประตูที่เท่ากับ มาร์คัส แรชฟอร์ด (17 ประตูในลีกและ 22 ประตูทุกรายการ) เขาได้เบอร์ 9 กลับมาอีกครั้ง และได้ลงเล่นในตำแหน่งที่สื่อถึงความเป็นกองหน้าตัวเป้า เขาเป็นคนแรกที่ทำแฮตทริกในลีกรอบ 7 ปีซึ่งคนสุดท้ายที่ทำได้ก่อนนั้นคือ โรบิน ฟาน เพอร์ซี โน้นเลย และที่สำคัญยังยิงประตูใส่ เชลซี และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งไป-กลับในเกมลีก
โอเดียน อิกาโล (5 คะแนน)
ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงในลีกเลยและก็ไม่มีประตูเช่นกันโดยมีโอกาสอยู่บ้างแต่ก็พลาดไป กระนั้นเขาก็ยังทำประตูได้ในรายการอื่นๆและช่วยแบ่งเบาภาระของแนวรุกของทีมได้เป็นอย่างดี
July 30, 2020 at 06:30AM
https://ift.tt/2P9zvIl
ครบทุกคน ตัดเกรดเรียงตัวแข้ง "แมนยูฯ" ประจำซีซั่น 2019-20 - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3eZTFQ5
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ครบทุกคน ตัดเกรดเรียงตัวแข้ง "แมนยูฯ" ประจำซีซั่น 2019-20 - ไทยรัฐ"
Post a Comment