
ทั้งที่ ลิเวอร์พูล ตกเป็นข่าวตามล่าตัว ติโม แวร์เนอร์ กองหน้า แอร์เบ ไลป์ซิก มาเนิ่นนาน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่า เชลซี มีโอกาสดีที่สุดที่จะได้เขาไปร่วมทัพ หลังจากว่ากันว่า "สิงโตน้ำเงินคราม" พร้อมที่จะจ่ายค่าฉีกสัญญาของเขาซึ่งอยู่ที่ 50-52 ล้านปอนด์ด้วยกัน
แน่นอนว่าการอดได้ตัว แวร์เนอร์ น่าจะทำให้ คล็อปป์ เสียดายในระดับหนึ่ง เพราะเขาเองชื่นชอบฝีเท้าของกองหน้าชาวเยอรมันมากๆ แต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ คล็อปป์ ต้องผิดหวังกับการอดได้แข้งที่เป็นเป้าหมายมาร่วมงานด้วยกันที่ แอนฟิลด์ วันนี้เราจึงจะขอย้อนไปดู 5 แข้งเด่นๆ ที่เขาอดได้มาร่วมทัพ และมาประเมินกันว่าการชวดแข้งเหล่านั้นมันน่าเสียดายมากแค่ไหน
- อเล็กซ์ เตยเซยร่า (กองกลางตัวรุก)
ด้วยความที่ คล็อปป์ เข้ามารับงานกับ ลิเวอร์พูล ในช่วงเดือนตุลาคม ปี 2015 ทำให้เขาได้เริ่มทำการเสริมทัพเป็นครั้งแรกในตลาดช่วงเดือนมกราคม ปี 2016 ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่รอช้าในการสร้างทีมขึ้นมาใหม่ เพราะเขามีลิสต์นักเตะที่ต้องการหลายคน และหนึ่งในนั้นคือ เตยเซยร่า

ตอนนั้นดาวเตะชาวบราซิเลียนกำลังท็อปฟอร์มสุดๆ กับ ชัคตาร์ โดเน็ตส์ค โดยในช่วครึ่งแรกของฤดูกาล 2015-16 เขาทำได้ถึง 26 ประตู จากการลงเล่น 26 นัดในทุกรายการ ซึ่ง ลิเวอร์พูล ก็ให้ราคาเขาสูงสุดที่ 32 ล้านยูโร แต่ ชัคตาร์ ต้องการเงินถึง 50 ล้านยูโร และสุดท้ายดีลก็ล่มไป โดย คล็อปป์ ตอบถึงประเด็นนี้ว่า "มันไม่ใช่ว่าเราไม่มีเงินมากพอหรืออะไรก็ตามหรอกนะ แต่คุณต้องทำงานด้วยความเคารพต่อเรื่องต่างๆ และไม่ทำอะไรพล่อยๆ นั่นคือสิ่งที่เราทำ"
นี่นับเป็นเรื่องที่น่าเสียดายสำหรับ เตยเซยร่า เป็นอย่างมาก เพราะเขาเคยเปิดใจตามตรงว่าอยากย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล สุดๆ "ทีมได้รับข้อเสนอจาก ลิเวอร์พูล แต่ข้อเสนอมันก็โดนปฏิเสธไป ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น มันมีแค่ทีมเดียวที่ยื่นข้อเสนอขอซื้อผม และ ชัคตาร์ ก็ปฏิเสธมัน ผมรู้ดีว่าเอเยนต์ของผมยังพยายามทำทุกทางเท่าที่จะทำได้เพื่อที่จะช่วยให้ผมได้ย้ายไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล

ท้ายที่สุดแล้ว เตยเซยร่า ก็ได้ย้ายทีมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของปีนั้น เพียงแค่มันเป็นการไปเล่นให้กับ เจียงซู ซู่หนิง ทีมในประเทศจีน หลังจากที่ทีมดังกล่าวยอมให้ค่าตัว 50 ล้านยูโร ซึ่งเขาก็โชว์ฟอร์มได้โดดเด่นพอตัว ด้วยการทำไป 63 ประตู จากการลงเล่น 133 นัดในทุกรายการให้กับ ซู่หนิง แต่แน่นอนว่ามันเทียบไม่ได้เลยกับโอกาสที่เขาจะได้เล่นให้กับทีมระดับ ลิเวอร์พูล และไม่แนาว่า เตยเซยร่า อาจจะไปได้สวยกับ ลิเวอร์พูล ก็ได้ เพราะตอนนี้พวกเขากำลังขาดกองกลางตัวรุกชั้นยอดอยู่พอดี จากการที่มิดฟิลด์ตัวกลางหลักๆ ในตอนนี้ต่างก็เป็นพวกสไตล์เก็บบอลเอาไว้กับตัว หรือไม่ก็มิดฟิลด์ตัวรับ ส่วนกองกลางตัวรุกอย่าง นาบี เกอิต้า ก็โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างต่อเนื่องจนแทบยังไม่ได้โชว์ฟอร์มเก่งกับทีมเลย
ความน่าเสียดายที่ ลิเวอร์พูล อดได้มาร่วมทีม : 1.5/5
- นาบิล เฟคีร์ (ปีก/กองกลางตัวรุก)
แฟนบอล ลิเวอร์พูล แทบทุกคนตื่นเต้นกันสุดๆ ในตอนที่มีภาพหลุดออกมาว่า เฟคีร์ สวมเสื้อ ลิเวอร์พูล เป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถมยังถึงขั้นมีภาพที่แสดงให้เห็นว่า ลิเวอร์พูล ทำการสัมภาษณ์เขาลงสถานีโทรทัศน์อย่างเป็นทางการของสโมสรแล้วด้วย จนดูเหมือนกับว่าเขาจะมาเป็นลูกทีมคนใหม่ของ คล็อปป์ ในฤดูกาล 2018-19

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายดีลก็ต้องล่มลงในช่วงโค้งสุดท้ายแบบช็อก หลังจากที่ โอลิมปิก ลียง ต้นสังกัดของ เฟคีร์ ในตอนนั้น ออกมาแถลงการณ์ว่า "โอลิมปิก ลียง ขอแจ้งให้ทราบว่าการเจรจากับ ลิเวอร์พูล และ นาบิล เฟคีร์ ในเรื่องการย้ายทีมขงกัปตันทีม ลียง ไม่ประสบความสำเร็จ และ ลียง ตัดสินใจที่จะยุติการเจรจา"
ว่ากันว่าต้นเหตุที่ทำให้ดีลล่มลงมันเป็นเพราะ ลิเวอร์พูล มาตรวจพบว่าเขามีปัญหาด้านหัวเข่าในตอนที่ทำการตรวจร่างกาย โดยตอนนั้นเจ้าตัวเจ็บตรงนี้มานานพอตัว ซึ่งมันก็ทำให้ เฟคีร์ ต้องกลับไปอยู่กับ ลียง ก่อนที่เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมาเขาจะได้ย่ายไปเล่นกับ เรอัล เบติส

แน่นอนว่าฟอร์มของ เฟคีร์ ไม่สามารถเทียบกับ ซาดิโอ มาเน่ หรือ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้ เพราะซีซั่นนี้เขาทำไป 7 ประตู กับอีก 6 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 23 นัดในทุกรายการ แต่ในอีกมุมหนึ่ง มันก็เป็นดีลที่น่าเสียดายสำหรับ ลิเวอร์พูล นิดหน่อย หลังจากที่ซีซั่นนี้ เฟคีร์ สร้างความปั่นป่วนให้กับแนวรับของทีมในระดับ ลา ลีกา สเปน ได้ดี อย่างเช่นการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 3.3 ครั้งต่อเกม, เรียกฟาวล์ได้ 3.8 ครั้งต่อนัด และผ่านบอลเข้าเป้า 82.1 เปอร์เซ็นต์ เป็นต้น
ความน่าเสียดายที่ ลิเวอร์พูล อดได้มาร่วมทีม : 2.5/5
- อุสมาน เดมเบเล่ (กองหน้า/ปีก)
หลังจากขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของ แรนส์ ในฤดูกาล 2015-16 เดมเบเล่ ก็ฉายแววเด่นได้ทันที ด้วยการทำไป 12 ประตู จากการลงเล่น 29 นัดในทุกรายการ และมันก็ทำให้เขาตกเป็นข่าวกับหลายทีมในทวีปยุโรปหลังจบซีซั่นนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ ลิเวอร์พูล

คล็อปป์ จริงจังกับการเอา เดมเบเล่ มาร่วมทัพให้ได้ จนถึงขั้นไปเจรจากับ เดมเบเล่ ด้วยตัวเอง แต่สุดท้ายก็ได้รับคำตอบที่ผิดหวัง และ เดมเบเล่ ก็ออกมาเล่าถึงการพบปะกันในครั้งนั้นว่า "ผมได้เจอ คล็อปป์ ที่กรุงปารีส แต่ผมบอกเขาไปว่าผมตัดสินใจที่จะไปเล่นให้ เบเฟาเบ (ดอร์ทมุนด์) แล้ว"

แม้ว่าจะทำได้เพียง 10 ประตู จากการลงเล่น 49 นัดในทุกรายการกับ ดอร์ทมุนด์ ในซีซั่น 2016-17 แต่มันก็ทำให้ เดมเบเล่ ได้ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ในฤดูกาลต่อมา ทำให้ตอนแรกมันดูเหมือนว่า คล็อปป์ จะพลาดเพชรเม็ดงามไปแล้ว แต่ความจริงมันไม่เป็นอย่างนั้น เพราะจนถึงตอนนี้ เดมเบเล่ ยังไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งแบบคงเส้นคงวากับ ลิเวอร์พูล ได้เลย ในทางกลับกัน คล็อปป์ ก็มีตัวเลือกในแนวรุกให้ใช้งานมากพอตัว จนทำให้การพลาดตัวเขาไม่น่าเสียดายเท่าไหร่นัก
ความน่าเสียดายที่ ลิเวอร์พูล อดได้มาร่วมทีม : 0/5
- มาริโอ เกิทเซ่ (กองกลาง)
ถ้าจะบอกว่า เกิทเซ่ เป็นลูกรักคนหนึ่งของ คล็อปป์ ก็คงไม่ผิดนัก หลังจากทั้งคู่ร่วมงานกันตั้งแต่ตอนที่ คล็อปป์ ยังกุมบังเหียน ดอร์ทมุนด์ อยู่ ขนาดตอนที่ เกิทเซ่ ย้ายไปอยู่กับ บาเยิร์น มิวนิค กุนซือชาวเยอรมันยังบ่นเสียดายอยู่เลยที่ลูกทีมคนโปรดของตนไปเล่นให้คู่อริตัวฉกาจ

ด้วยเหตุนี้ ตอนที่ เกิทเซ่ ตัดสินใจบอกลา บาเยิร์น เมื่อปี 2016 มันเลยมีข่าวลือว่า คล็อปป์ อยากจะดึง เกิทเซ่ มาร่วมงานด้วยกันที่ ลิเวอร์พูล มากๆ และตอนนี้หลายคนก็เชื่อว่าดีลนี้น่าจะเกิดขึ้น แต่สุดท้าย เกิทเซ่ ก็เลือกไปซบ ดอร์ทมุนด์ โดยเจ้าตัวให้สัมภาษณ์ในภายหลังผ่านทางสารคดีของตัวเองเมื่อปี 2018 ว่า "ผมตัดสินใจที่จะย้ายออจาก บาเยิร์น และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็สนใจที่จะเอาผมไปอยู่กับ ลิเวอร์พูล และที่จริงตอนนั้นผมก็สนใจที่จะร่วมงานกับเขาอีกครั้งเหมือนกัน ตอนนี้ผมก็ยังรู้สึกแบบนั้นอยู่ เขาเป็นกุนซือระดับโลก และนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มันเป็นทางเลือกหนึ่งอยู่เสมอ ผมตัดสินใจมาอยู่กับ โบรุสเซีย ก็จริง แต่มันไม่ได้เป็นการตัดสินใจเพราะ ลิเวอร์พูล หรือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ดีพอ มันตรงกันข้ามเลยต่างหาก"

ด้าน คล็อปป์ ก็เคยให้สัมภาษณ์เหมือนจะสื่อว่าสาเหตุที่ไม่เอา เกิทเซ่ เป็นเพราะอีกฝ่ายไม่ได้ตัดสินใจที่จะมาร่วมงานกับตนแบบทันที ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะเขาลังเลกับการที่ตอนนั้น ลิเวอร์พูล ไม่ได้เล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "มันอาจจะไม่ถึงขั้น 100 ปอร์เซ็นต์ แต่การที่เราไม่ได้เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ในปีหน้าก็อาจจะมีผลสัก 80 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นถ้าผมเจรจากับนักเตะคนไหนแล้วเขาพูดกับผมขึ้นมาว่า -ถ้าปีหน้าคุณได้เล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก ผมก็อาจจะสนใจก็ได้- แล้วล่ะก็ ผมก็จะวางสายทันที"
ท้ายที่สุดแล้วนั้นก็เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของ เกิทเซ่ จนถึงตอนนี้เขาไม่สามารถกลับไปฉายแววเด่นเหมือนตอนที่โด่งดังใหม่ๆ ได้เลย
ความน่าเสียดายที่ ลิเวอร์พูล อดได้มาร่วมทีม : 0/5
- เบน ชิลเวลล์ (แบ็กซ้าย)
หลังจากที่แพ้ เซบีย่า ในนัดชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ประจำฤดูกาล 2015-16 มันก็เห็นได้ชัดว่า ลิเวอร์พูล ต้องการแบ็กซ้ายคนใหม่ ซึ่งก่อนเปิดซีซั่น 2016-17 คล็อปป์ ก็พยายามอย่างหนักที่จะคว้าตัว ชิลเวลล์ มาจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ให้ได้

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สมหวัง โดยว่ากันว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ ลิเวอร์พูล เสนอค่าตัวให้ 7 ล้านปอนด์ แต่ เลสเตอร์ ต้องการเงิน 10 ล้านปอนด์ ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน ชิลเวลล์ ก็ต่อสัญญากับ เลสเตอร์ ทันที

ถึงกระนั้น ลิเวอร์พูล ก็ไม่ต้องเสียดายมากนักที่อดได้แข้งรายดังกล่าว เพราะพวกเขาคว้าตัว แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน มาจาก ฮัลล์ ซิตี้ ได้ในปี 2017 และตอนนี้ดาวเตะชาวสกอตต์ก็ทำผลงานได้ดีมากๆ จนเหนือกว่า ชิลเวลล์ ไปแล้ว
ความน่าเสียดายที่ ลิเวอร์พูล อดได้มาร่วมทีม : 0/5
- เด็กเกร็ดบอล -
Getty Images
[ ไม่อนุญาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำไปเผยแพร่รูปภาพต่อไม่ว่าวิธีใดๆ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด ]
June 08, 2020 at 02:35PM
https://ift.tt/3eZlVSQ
น่าเสียดายไหม ? ตัดเกรดแข้งที่ คล็อปป์ อดได้มาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล - สยามกีฬา
https://ift.tt/3eZTFQ5
Bagikan Berita Ini
0 Response to "น่าเสียดายไหม ? ตัดเกรดแข้งที่ คล็อปป์ อดได้มาร่วมทัพ ลิเวอร์พูล - สยามกีฬา"
Post a Comment